วันอาทิตย์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Record 4

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ดุ๊กดิ๊กยาว
Monday  5 February 2561

เนื้อหาการเรียนรู้
       การเรียนการสอนวันนี้ อาจารย์ให้กลุ่มที่เหลือออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน ต่อจากสัปดาห์ที่ 2 

กลุ่มที่ 5 รูปแบบการเรียนแบบมอนเตสรี่




ที่มาของการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่ คือ
                การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่เกิดจากแนวคิดของมาเรีย มอนเตสซอรี่ (Maria Montessori) แพทย์หญิงชาวอิตาลีที่มีความเชื่อว่า การให้การศึกษากับเด็กในวัยเริ่มต้น ไม่ใช่การนำความรู้ไปบอกเด็ก แต่ควรเป็นการปลูกฝังให้เด็กได้เจริญเติบโตไปตามความต้องการทางธรรม ชาติของเขามอนเตสซอรี่เริ่มต้นนำแนวการสอนนี้ไปใช้กับเด็กที่มีพัฒนาการทางสติปัญญาล่าช้า โดยประดิษฐ์สื่อวัสดุอุปกรณ์ที่เป็นหัวใจสำคัญในการเปิดโอกาสให้เด็กได้ค้นพบสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง

จุดมุ่งหมายของการสอนแบบมอนเตสซอรี่
                คือ ช่วยพัฒนา หรือให้เด็กมีอิสระในด้านบุคลิกภาพของเด็กในวิถีทางต่างๆ อย่างมากมายสิ่งแวดล้อมของโรงเรียนระบบมอนเตสซอรี่ คือ การจัดระบบเพื่อสะท้อนถึงศักยภาพที่แท้จริง และความต้องการของเด็ก เพื่อเด็กจะได้พัฒนาบุคลิกภาพของเขา

การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่ คือ
                การจัดการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่เป็นการจัดสภาพการเรียนรู้สำหรับเด็ก โดยมีครูเป็นผู้จัดสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนให้เหมือนบ้าน และเป็นผู้ให้การสนับสนุน ให้เสรีภาพแก่เด็ก ให้คำปรึกษาและกระตุ้นให้เด็กคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง ให้ใช้จิตใจซึมซับสิ่งแวดล้อมเพราะมอนเตสซอรี่เชื่อว่า เด็กคือ ผู้รู้ความต้องการของตนเองและมีความสามารถที่จะซึมซับการเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมได้
หลักสูตรของมอนเตสซอรี่สำหรับเด็กวัย 3-6 ขวบ ครอบคลุมการศึกษา 3 ด้าน
1.ด้านทักษะกลไก (Motor Education) หรือกลุ่มประสบการณ์ชีวิต มีจุดประสงค์เพื่อฝึกการดูแลและจัดการสิ่งแวดล้อมเด็กจะทำกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวเบื้องต้นของชีวิตประจำวัน เช่น มารยาทในการรับประทานอาหารเป็นต้น
2.ด้านประสาทสัมผัส (Education of the Senses) มีจุดประสงค์เพื่อฝึกการสังเกต การใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าเกี่ยวกับมิติรูปทรง ปริมาตรของแข็ง ของทึบ อุณหภูมิ เด็กจะได้รู้จักทรงกระบอก ลูกบาศก์ ปริซึม แขนงไม้ ชุดรูปทรงเรขาคณิต
3.ด้านการเขียนและคณิตศาสตร์ (Preparation For Writing and Arithmetic) หรือกลุ่มวิชาการ
มีจุดประสงค์เพื่อเตรียมเด็กเข้าสู่ระดับประถมศึกษา เตรียมตัวด้านการอ่านการเขียนโดยธรรมชาติ
การประสมคำ คณิตศาสตร์

การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่มีลักษณะ    
                การจัดการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่มีลักษณะส่งเสริมการเรียนด้วยตนเองของเด็ก เน้นการช่วยเหลือตนเองให้มากที่สุด โดยสภาพของโรงเรียนจัดสิ่งแวดล้อมให้เสมือนบ้าน มีห้องต่างๆ ที่บ้านควรมี เช่น ห้องนอน ห้องครัว ห้องนั่งเล่นมีห้องโถงใหญ่ที่จัดมุมการเรียนรู้ไว้ตอบสนองความต้องการของเด็ก ได้แก่     มุมฝึกประสาทสัมผัส มุมภาษา มุมคณิตศาสตร์ มุมดนตรี มุมศิลปะ มุมที่จะสอนสิ่งที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน และมุมภูมิศาสตร์ เป็นต้น ห้องนี้เปรียบเสมือนห้องทำงานของเด็ก จะมุ่งเน้นทางด้านสติปัญญา

หลักการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่ มีดังนี้
-   จัดห้องเรียนให้เสมือนบ้าน
-   ให้เสรีภาพกับเด็กที่จะเลือกเล่นด้วยตนเอง
-   จัดสภาพการณ์ต่างๆที่ยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง
-   พัฒนาจิตใจของเด็กไปพร้อมกับการพัฒนาการทางด้านสติปัญญาและร่างกาย
-   การเรียนไปพร้อมกับการเล่น
-   ฝึกการใช้ประสาทสัมผัสของเด็กทุกด้าน
-   การรักเด็กและนับถือความสามารถที่เป็นธรรมชาติของเด็ก

การจัดการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่จะส่งเสริมเด็กให้เกิดคุณลักษณะ ดังนี้
-   เด็กสามารถนำสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีเพราะหลักสูตรมอนเตสซอรี่ออกแบบโดยการเลียนแบบชีวิตจริง
-   เด็กเรียนด้วยความสุข เพราะเป็นจัดการเล่นปนเรียน สอดคล้องกับธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็ก
-   เด็กได้เข้าสังคมกับเพื่อน ให้เด็กที่มีความแตกต่างกันเรียนรู้ที่อยู่ร่วมกัน ให้ความช่วยเหลือกัน เพราะการเรียนแบบจัดกลุ่มเด็กหลายอายุ รวมกลุ่มกัน
-   การเรียนที่มุ่งให้เด็กทำกิจกรรมจนสำเร็จด้วยตนเอง ไม่มีการแข่งขันเปรียบเทียบ เด็กจะรู้สึกท้าทายตนเอง ไม่เครียด ไม่เบื่อหน่ายการเรียน


กลุ่มที่ 6 รูปแบบการเรียนการสอนแบบไฮสโคป
( HighScope  Approach )




การสอนแบบไฮสโคป
       การสอนเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์การเรียนรู้พัฒนาคน  การเรียนรู้และการสอนทำให้มี
การคิดเชื่อมโยงความรู้ได้อย่างรวดเร็ว  การศึกษาปฐมวัยจึงเป็นการศึกษาที่จัดให้แก่เด็ก  6
ขวบแรกเป็นการจัดการศึกษาเพื่อการดูแล และสร้างเสริมเด็กให้พัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ

       การสอนเด็กปฐมวัยไม่ใช่การถ่ายทอดความรู้  แต่เป็นการจัดประสบการณ์อย่างมีรูปแบบเพื่อส่งเสริมพัฒนาการ  พัฒนาสมรรถนะทางปัญญา  และพัฒนาจิตนิยมที่ดี  การเรียนการสอนสำหรับปฐมวัย มีหลากหลายรูปแบบแต่สำหรับรูปแบบที่ผู้เขียนจะนำเสนอนั้นก็เป็นรูปแบบการเรียนการสอนที่มีความน่าสนใจอีกรูปแบบหนึ่ง  รูปแบบการเรียนการสอนที่ว่านั้นก็คือ  รูปแบบการเรียนการสอนแบบไฮสโคป
ความเป็นมา
       
          การเรียนการสอนแบบไฮสโคป  เป็นแนวคิดการจัดการศึกษาที่พัฒนามาจากโครงการ  เพอรี่ พรีสคูล (Perry Preschool Project) เมืองยิปซีแลนติ (Ypsilanti) รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี ค.ศ. 1960 โดย เดวิด ไวคาร์ด (David Weikart) และคณะ เป็นโปรแกรมการศึกษาที่มีหลักสูตรและการสอนเน้นการเรียนรู้โดยใช้หลักการสร้างความรู้ (constructive process) จากการกระทำ ที่ต้องมีการร่วมกันคิดร่วมกันทำตามแผนที่กำหนด ซึ่งต่อมาได้มีผู้นำรูปแบบการศึกษาของไฮสโคปไปใช้อย่างแพร่หลาย รวมถึงการนำมาใช้กับการเรียนการสอนระดับปฐมวัยศึกษาด้วย

แนวคิดพื้นฐาน
การสอนแบบไฮสโคป มีพื้นฐานแนวคิดมาจากทฤษฎีของเพียเจท์ (Piage’s Theory)ว่าด้วยพัฒนาการทางสติปัญญา ที่เน้นการเรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติที่เด็กสามารถสร้างความรู้ได้เองโดยใช้กระบวนการสร้างสรรค์การเรียนรู้ (Constructive process of learning) เด็กจะเรียนรู้จากการกระทำของตน การประเมินผลงานอย่างมีแบบแผน ช่วยให้เด็กเกิดความรู้ขึ้น 

        เด็กจะได้รับการกระตุ้นจากครูให้คิดนำอุปกรณ์มากระทำหรือเล่นด้วยการวางแผนการทำงาน แล้วดำเนินตามแผนไว้ตามลำดับพร้อมแก้ปัญหาและทบทวนงานที่ทำด้วยการทำงานร่วมกันกับเพื่อนเป็นกลุ่มเล็กๆ โดยมีครูคอยให้กำลังใจ  ถามคำถาม  สนับสนุน และเพิ่มเติมสิ่งที่เด็กต้องเรียนรู้

แนวคิดสำคัญ
         แนวการสอนแบบไฮสโคป เน้นการเรียนรู้แบบลงมือกระทำผ่านมุมเล่นที่หลากหลาย  ด้วยสื่อและกิจกรรมที่เหมาะสมกับการพัฒนาการของเด็กและการแก้ปัญหาอย่างกระตือรือร้น

การเรียนการสอน
           การเรียนการสอนแบบไฮสโคป เป็นการสร้างองค์ความรู้จากการที่เด็กได้ลงมือจัดกระทำกับอุปกรณ์ หรือสิ่งแวดล้อมซึ่งถือเป็นประสบการณ์ตรง  โดยที่ครูจะเป็นคนเตรียมอุปกรณ์ให้กับเด็กและกระตุ้นให้เด็กพัฒนาและดำเนินกิจกรรม โดยใช้หลักปฏิบัติ ประการ  คือ
  • Plan
  • Do
  • Review 

สรุป
             การเรียนการสอนแบบไฮสโคป  สามารถนำไปใช้ในกิจกรรมต่างๆ ได้ทุกกิจกรรม เพราะกระบวนการและวิธีการสนับสนุนการเรียนรู้ของเด็กเปิดกว้างมีการคิดการปฏิบัติ ตามวงจรของการวางแผน  การปฏิบัติ และการทบทวน ( plan-do-review cycle ) เมื่อทำกิจกรรมแล้วเด็กสามารถที่คิดกิจกรรมอื่นต่อเนื่องได้ตามความสนใจ  จุดสำคัญอยู่ที่ประสบการณ์การเรียนรู้ ( Key  experience ) ที่เด็กควรได้รับระหว่างกิจกรรม  ซึ่งครูต้องมีปฏิสัมพันธ์และกระตุ้นให้เด็กเกิดการเรียนรู้จากกิจกรรมให้มากที่สุด

       ครู คือบุคคลที่จะช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ  หากรูปแบบการเรียนการสอนที่มีความสอดคล้องภาวะการเรียนรู้ของเด็กและครูมีความเข้าใจในรูปแบบการเรียนการสอน ก็จะเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ที่ดีให้กับเด็กมากยิ่งขึ้น    


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ทักษะ
  • ทักษะการพูด
  • ทักษะการฟัง
  • ทักษะการนำเสนอ
เทคนิคการสอน
  • ให้ออกแบบการนำเสนอด้วยตนเอง
  • ให้คำแนะนำเพิ่มเติมทุกสไลด์

 การนำไปประยุกต์ใช้
       ทดลองสอนเเบบมอนเตสรี่ หรือ แบบ Project Approach โดยต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนนำไปปฏิบัติสอนจริง


การประเมิน
ตนเอง: ตั้งใจฟังที่เพื่อนนำเสนอ และมีส่วนร่วมในการเเสดงความคิดเห็น
เพื่อน: ตั้งใจฟังเพื่อนๆนำเสนองาน
อาจารย์: คอยให้คำแนะนำ พูดจาสุภาพ แนะนำความรู้อย่างละเอียด



รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

Recore 3

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ดุ๊กดิ๊กยาว

Monday  29 January 2561

เนื้อหาการเรียนรู้
         กิจกรรมการเรียนการสอนวันนี้ อาจารย์ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่ม 6 กลุ่ม กลุ่มละ 5 คน เพื่อระดมความคิดการทำ Mind map การจัดกิจกรรมจากแผนการสอนในหัวข้อดังต่อไปนี้
         1. หน่วยตัวฉัน
         2. หน่วยใต้ร่มเงาไม้
         3. หน่วยอาหารดีมีคุณค่า
         4. หน่วยบ้านแสนสุข
         5. หน่วยผีเสื้อ
         6. หน่วยผลไม้เพื่อสุขภาพ
เมื่อจับกลุ่มเรียบร้อยเเล้ว ให้เเต่ละกลุ่มเริ่มระดมความคิด ดูการทำงานของพวกเรากันค่ะ













ผลงานของแต่ละกลุ่ม


หน่วยใต้ร่มเงาไม้


       หน่วยปลไม้เพื่อสุขภาพ

หน่วยผีเสื้อ

หน่วยตัวฉัน

หน่วยบ้านเเสนรัก




รูปภาพที่เกี่ยวข้อง


ทักษะ
  • ทักษะการคิดวิเคราะห์
  • ทักษะการร่วมมือ
  • ทักษะการเเสดงความคิดเห็น
  • ทักษะการต่อยอดความรู้
  • ทักษะการคิดอย่างมีแบบแผน
  • ทักษะการฟัง
เทคนิคการสอน
  • ให้ระดมความคิดแบบกลุ่ม
  • เปิดโอกาสให้คิดอย่างอิสระ
  • แนะนำความรู้ในการเขียน
  • ฝึกการวางเเผน
  • ฝึกการทำงานเป็นทีม
การนำไปใช้
      นำไปฝึกเขียนวางเเผนก่อนนำไปเขียนเเผน เเละนำไปใช้สอนเด็กได้อย่างถูกต้องตามหลักปฐมวัย


การประเมิน
ตนเอง: ร่วมทำงานและเเสดงความคิดเห็นร่วมกับเพื่อน
เพื่อน: ช่วยกันวางแผน ผลงานออกมาดี
อาจารย์: ให้คำเเนะนำที่เป็นประโยชน์ และละเอียด 



รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

Record 2



Monday  22 January 2561

เนื้อหาการเรียน
          วันนี้อาจารย์ให้นักศึกษาออกมานำเสนองานที่ได้มอหมายไปเมื่อสัปดห์ที่แล้ว 

 กลุ่มที่ 1 พัฒนาการเเละคุณลักษณะตามวัย


ในภาพอาจจะมี 2 คน, ผู้คนกำลังยืน

ด้านร่างกาย
อายุ 3 ปี

  • กระโดดขึ้นลงอยู่กับทีได้
  • รับลูกบอลด้วยมือและลำตัว
  • เดินขึ้นบันไดสลับเท้าได้
  • เขียนรูปวงกลมตามแบบได้
อายุ 4 ปี
  • กระโดดขาเดียวอยู่กับที่ได้
  • รับลูกบอลด้วยมือทั้งสอง
  • เดินขึ้นลงบันไดสลับเท้าได้
  • เขียนรูปสี่เหลี่ยมตามแบบได้
  • ตัดกระดาษเป็นเส้นตรงได้
อายุ 5 ปี
  • กระโดดขาเดียวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องได้
  • รับลูกบอลที่กระดอนขึ้นจากพื้นด้วยมือทั้งสองข้าง
  • เดินขึ้นลงบันไดสลับเท้าได้อย่างคล่องแคล่ว
  • เขียนรูปสามเหลี่ยมตามแบบได้
  • ตัดกระดาษตามแนวเส้นโขงที่กำหนด
  • ใช้กล้ามเนื้อเล็กได้ดีเช่นติดกระดุมผูกเชือกรองเท้า
ด้านอารมณ์และจิตใจ
อายุ 3 ปี
  • กลัวการพลัดพรากจากผู้เลี้ยงดู
  • แสดงอารมณ์ตามความรู้สึก
  • ชอบที่จะทำให้ผู้ใหญ่พอใจและได้คำชม
อายุ 4 ปี
  • แสดงออกทางอารมณ์ได้เหมาะสมกับบางสถานการณ์
  • รู้จักชื่นชมความสามารถผลงานตนเองและผู้อื่น
  • ต้องการให้มีคนฟังมีคนสนใจ
อายุ 5 ปี
  • แสดงอารมณ์ได้สอดคล้องกับสถานการณ์
  • ชื่นชมผลงานตัวเองและผู้อื่น
  • ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางน้อยลง
  • เล่นหรือทำงานโดยมีจุดมุ่งหมายร่วมกับผู้อื่นได้
  • รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมาย
ด้านสังคม
อายุ 3 ปี
  • รับประทานอาหารด้วยตนเอง
  • ชอบเล่นแบบคู่ขนาน
  • เล่นสมมติได้
  • รู้จักการรอคอย
อายุ 4 ปี
  • แต่งตัวได้ด้วยตัวเอง ไปห้องน้ำได้ด้วยตัวเอง
  • เล่นร่วมกับผู้อื่นได้
  • แบ่งของให้คนอื่น
  • เก็บของเล่นเข้าที่ได้
อายุ 5 ปี
  • ปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตัวเอง
  • เล่นหรือทำงานโดยมีจุดมุ่งหมายร่วมกับผู้อื่นได้
  • พบผู้ใหญ่รู้จักไหว้ทำความเคารพ
  • รู้จักขอบคุณเมื่อได้รับของจากผู้ใหญ่
  • รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมาย
ด้านสติปัญญา
อายุ 3 ปี
  • สำรวจสิ่งต่างๆที่เหมือนและต่างกันได้
  • บอกชื่อตนเองได้
  • สนทนาตอบโต้ เล่าเรื่องด้วยประโยคสั้นได้
  • ร้องเพลงท่องกลอนจำคำคล้องจองง่ายๆและแสดงท่าทางเลียนแบบได้
  • รู้จักใช้คำถาม “อะไร”
อายุ 4 ปี
  • จำแนกสิ่งต่างๆด้วยประสาทสัมผัสทั้ง5 ได้
  • สนทนาตอบโต้เล่าเรื่องเป็นประโยคอย่างต่อเนื่อง
  • สร้างผลงานตามความคิดของตนเองด้วยมีรายละเอียดเพิ่มขึ้น
  • รู้จักใช้คำถาม “ทำไม”
อายุ 5 ปี
  • บอกความแตกต่างของกลิ่นสีเสียงรสรูปร่างจำแนกและจัดหมวดหมู่สิ่งของได้
  • พยายามหาวิธีแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
  • รู้จักใช้คำถาม “ทำไม” “อย่างไร”
  • เริ่มเข้าใจสิ่งที่เป็นนามธรรม
  • ความต้องการของเด็กปฐมวัย
  • ความต้องการพื้นฐานทางกาย เพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่
  • ความต้องการความอิสระ ควบคู่ไปกับความต้องการพื้นฐานทางกาย
  • ความต้องการผลสัมฤทธิ์ มักจะต้องการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทั้งสิ้น
  • ความต้องการประสบการณ์ที่ท้าทาย
  • ความต้องการมีเพื่อน เด็กปฐมวัยส่วนใหญ่ชอบอยู่ใกล้ชิดกับผู้อื่น
*หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560


กลุ่มที่ 2 ความสนใจและความต้องการของเด็กปฐมวัย


ในภาพอาจจะมี 1 คน, หน้าจอ และ สถานที่ในร่ม


ความต้องการ ความสนใจ
           เด็กปฐมวัยเป็นวัยเริ่มต้นของชีวิตที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาความเป็นมนุษย์  การสร้างรากฐานที่ดีทั้งทางร่างกาย และจิตใจให้กับเด็กในวันนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะช่วงอายุแรกเกิด ถึง6 ปีเป็นระยะที่มีความสำคัญช่วงหนึ่งในการวางรากฐานคุณภาพชีวิตของเด็ก ด้วยเหตุที่เด็กปฐมวัยมีธรรมชาติและลักษณะเฉพาะที่แตกต่างไปจากบุคคลวัยอื่นๆ

ความต้องการ
         ความต้องการเป็นสิ่งจาเป็นสำหรับการดำรงชีวิต ความต้องการเกิดขึ้นเมื่อร่างกายขาดความสมดุล  ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทาให้ร่างกายเกิดความเครียด ไม่เป็นสุข ดังนั้นร่างกายจึงต้องมีการกระทำเกิดขึ้นเพื่อให้ร่างกายกลับสู่สภาวะสมดุลตามปกติ

ชนิดของความต้องการ
1.ความต้องการของแต่ละคน (Individual Needs )
       - ความต้องการทางอินทรีย์
       - ความต้องการที่จะสร้างบุคลิกภาพ
2 ความต้องการที่จะสร้างบุคลิกภาพ
       - ความต้องการที่จะรักคนอื่นและให้คนอื่นรักตน
       - ความต้องการความปลอดภัย
       - ความต้องการการมีส่วนร่วม หรือเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
       - ความต้องการความสัมฤทธิ์ผลหรือต้องการให้บรรลุจุดมุ่งหมายของตน
       - ความต้องการรู้สิ่งต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาสติปัญญา
       - ความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงจากสภาพที่อยู่ปกติให้เป็นสภาพใหม่
       - ความต้องการที่จะรับความพึงพอใจในทางสวยงาม

ความต้องการทางสังคม (Social Need)
         ได้แก่ ความต้องการความปลอดภัยทางเศรษฐกิจ การนับหน้าถือตา ความนิยมชมชื่น ความเป็นมิตรภาพต่อกัน และความต้องการในสมบูรณาการ (Integration) ซึ่งเป็นความต้องการ  ที่เป็นความสุขของชีวิตตามอุดมคติ
       เด็กปฐมวัยจะมีความใจอยู่ช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณ 2-3 นาทีตามวัยของเด็ก หากเราจะจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการขอเด็กปฐมวัย และอยากให้เด็กสนใจและเกิดความต้องการเราต้องศึกษาสิ่งที่เด็กสนใจ หรือวิธีการเรียนรู้ของเด็ก นั่นก็คือการที่เด็กได้เป็นผู้ปฏิบัติเอง ได้ลงมือทำเอง เป็นต้น



กลุ่มที่ 3 การเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย (กลุ่มของดิฉัน)


ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, หน้าจอ และ สถานที่ในร่ม


การเรียนรู้คืออะไร?
      การเรียนรู้ หมายถึง การเปลี่ยนพฤติกรรมซึ่งเป็นผลมาจากประสบการณ์ที่คนเรามีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม หรือจากการฝึกหัด รวมทั้งการเปลี่ยนปริมาณความรู้ของผู้เรียน   
มีองค์ประกอบ 3 อย่าง คือ 1) มนุษย์ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจาก ไม่รู้เป็น รู้”  “ทำไม่ได้เป็น ทำได้” “ไม่เคยทำเป็น ทำ2) การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมนั้นต้องเป็นไปอย่างถาวร 3) การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนั้น เกิดจากประสบการณ์การฝึกฝนและการฝึกหัด ไม่ใช่จากเหตุอื่นๆนอกจากนั้น

เด็กปฐมวัยคืออะไร?
เด็กปฐมวัย (Early Childhood) เป็นคำที่ใช้เรียกเด็กที่มีอายุตั้งแต่ปฏิสนธิจนถึง 6 ปี ซึ่งอยู่ในวัยที่คุณภาพของชีวิทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญากำลังเริ่มต้นพัฒนาอย่างเต็มที่

ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจท์
       เพียเจท์  กล่าวถึง การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยว่าเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดจากการทำงานของโครงสร้างทางปัญญา เป็นวิธีที่เด็กจะเริ่มต้นด้วยความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับสิ่งแวดล้อม เพียเจท์ได้มองการเล่นเป็นกระบวนการพัฒนาทางสติปัญญา ซึ่งกระบวนการพัฒนาทางสติปัญญา และลักษณะของการเล่นนั้น จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน  เพียเจท์ได้แบ่งพัฒนาการทางสติปัญญาออกเป็น  4  ขั้น
1.  ขั้นประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหว
2. ขั้นความคิดก่อนปฏิบัติการ
3. ขั้นปฏิบัติการคิดแบบรูปธรรม
4. ขั้นปฏิบัติการคิดแบบนามธรรม

 ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของไวกอสกี้
       กล่าวว่า เด็กจะเกิดการเรียนรู้  พัฒนาสติปัญญาและทัศนคติเมื่อมีการปฏิสัมพันธ์และทำงานร่วมกับผู้อื่น  หากเด็กต้องเผชิญกับปัญหาที่ท้าทายแต่ไม่สามารถคิดแก้ปัญหาโดยลำพัง  แต่ถ้าได้รับการช่วยเหลือแนะนำจากผู้ใหญ่หรือเพื่อนที่มีประสบการณ์มาก่อน  เด็กจะสามารถแก้ปัญหานั้นและจะเกิดการเรียนรู้ได้

ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของบรูเนอร์
               บรูเนอร์ เชื่อว่า ครูสามารถจัดประสบการณ์ให้กับเด็กปฐมวัยเพื่อให้เด็กเกิดความพร้อมที่จะเรียนได้ โดยต้องคำนึงถึงทฤษฎีพัฒนาการว่าเป็นตัวเชื่อมระหว่างความรู้และการสอน กล่าวคือพัฒนาการจะเป็นตัวกำหนดเนื้อหาความรู้และวิธีการสอน   หรือกิจกรรมการเรียนการสอนต้องสอดคล้องกับพัฒนาการและความสามารถของเด็กเป็นหลัก จึงได้แบ่งขั้นพัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กปฐมวัยออกเป็น 3 ขั้นตอน
 1.  ขั้นการเรียนรู้ด้วยการกระทำ
2.  ขั้นการเรียนรู้ด้วยภาพและจินตนาการ
3.  ขั้นการเรียนรู้ด้วยสัญลักษณ์

หลักการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
1.  จัดประสบการณ์การเล่นและการเรียนรู้เพื่อพัฒนาเด็กโดยองค์รวมอย่างต่อเนื่อง
2.  เน้นเด็กเป็นสำคัญ สนองความต้องการ ความสนใจ ความแตกต่างระหว่างบุคคล และบริบทของสังคมที่เด็กอาศัยอยู่
3.  จัดให้เด็กได้รับพัฒนาโดยให้ความสำคัญทั้งกับกระบวนการและผลผลิต

แนวการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
1.  จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับจิตวิทยาพัฒนาการ คือเหมาะกับอายุ วุฒิภาวะ และระดับพัฒนาการ เพื่อให้เด็กทุกคนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพ  
 2.  จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับลักษณะการเรียนรู้ของเด็กวัยนี้คือ เด็กได้ลงมือกระทำ เรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้เคลื่อนไหว สำรวจ เล่น สังเกต สืบค้น ทดลอง และคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง 
3.  จัดประสบการณ์ในรูปแบบบูรณาการ คือ บูรณาการทั้งทักษะและสาระการเรียนรู้           
4.  จัดประสบการณ์ให้เด็กได้ริเริ่ม คิด วางแผน ตัดสินใจ ลงมือกระทำ และนำเสนอความคิดโดยผู้สอนเป็นผู้สนับสนุน อำนวยความสะดวก และเรียนรู้ร่วมกับเด็ก           
5.  จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กอื่น กับผู้ใหญ่ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ในบรรยากาศที่อบอุ่น มีความสุขและเรียนรู้การทำกิจกรรมแบบร่วมมือในลักษณะต่าง ๆ กัน          
6.  จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อและแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลายและอยู่ในวิถีชีวิตของเด็ก          
 7.  จัดประสบการณ์ที่ส่งเสริมลักษณะนิสัยที่ดีและทักษะการใช้ชีวิตประจำวันตลอดจนสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมให้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ           
8. จัดสภาพแวดล้อมภายในห้องเรียน ให้มีมุมเล่น หรือมุมประสบการณ์ หรือศูนย์การเรียนต่าง ๆ ให้เด็กได้มีโอกาสเล่นร่วมกับผู้อื่น


กลุ่มที่ 4 รูปแบบการเรียนรู้นวัตกรรมการสอนโปรเจค (Project Approach)



ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป และ ผู้คนกำลังยืน



            การสอนแบบโครงการ หมายถึง การจัดการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่งซึ่งให้ความสำคัญกับเด็ก ส่งเสริมให้เด็กแสวงหาคำตอบจากการเรียนเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลุ่มลึกเพื่อสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยที่เด็กหรือครูร่วมกันกำหนดเรื่องที่ต้องการเรียนรู้ แล้วดำเนินการแสวงหาความรู้ด้วยกระบวนการแก้ปัญหา โดยครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงและจากแหล่งเรียนรู้

การสอนแบบโครงการเป็นการจัดการเรียนการสอนที่มีลักษณะสำคัญดังนี้
        ความคิดพื้นฐานเชื่อว่า การเรียนรู้ของเด็กมาจากการกระทำ เด็กเป็นผู้ที่ต้องพัฒนา มีความคิด มีความมุ่งหมาย ความต้องการที่จะเรียนรู้ทำอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นของตนเองต้องพึ่งตนเอง การสอนแบบโครงการมุ่งพัฒนาทางร่างกายและจิตใจของเด็กไปพร้อมกัน
  • วิธีจัดการเรียนการสอนมี 4 ระยะ คือ
  • ระยะที่ 1 เริ่มต้นโครงการ เด็กจะร่วมกันคิดเรื่องที่สนใจ
  • ระยะที่ 2 ระยะวางแผนโครงการ เป็นช่วงเวลาที่กำหนดจุดประสงค์ว่าต้องการเรียนรู้อะไร กำหนดขอบเขตเนื้อหา ระยะเวลาและวิธีการศึกษา
  • ระยะที่ 3 ดำเนินโครงการตามที่กำหนดไว้ ที่เน้นระบวนการแก้ปัญหา จัดเป็นหัวใจของการสอนแบบโครงการ เพราะเด็กจะได้รับข้อมูลใหม่จากประสบการณ์ตรงหรือเป็นแหล่งข้อมูลพื้นฐานเพราะเด็กได้สนทนา พูดคุยกับบุคคล และสืบค้นจากแหล่งเรียนรู้ ขณะเดียวกันเด็กสามารถค้นความรู้จากแหล่งข้อมูลรอง (Secondary Sources) เช่น การดูวีดีทัศน์ การอ่านหนังสือ เป็นต้น
  • ระยะที่ 4 สรุปโครงการ ครูและเด็กร่วมวางแผนสรุปโครงการ เป็นขั้นตอนการประเมินโครงการ ทบทวนการปฏิบัติ และวางแผนโครงการใหม่ วิธีการสรุปโครงการอาจจะให้เด็กนำผลงานที่ได้รับมอบหมายมาแสดงต่อครูแล้วอภิปรายประเด็นปัญหา หรือให้เด็กนำเสนอผลงาน ในรูปของการจัดแสดง จัดเป็นนิทรรศการ หรือสาธิตผลงาน
  • - มีกิจกรรมหลักในโครงการ 4 กิจกรรมคือ กิจกรรมสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในชั้นเรียน กิจกรรมทัศนศึกษา กิจกรรมสืบค้น และกิจกรรมนำเสนอผลงาน
  • - กิจกรรมสืบค้นมีหลากหลายได้แก่ การรวบรวมข้อมูลที่ได้จากการสังเกต การสัมภาษณ์ การปฏิบัติทดลอง การรวบรวมเอกสาร การรายงาน การจัดแสดงผลงานที่ได้จากโครงการ เป็นต้น
  • - เรื่องที่จะเรียนมาจากความสนใจของเด็กที่ต้องการเรียนอย่างลุ่มลึก เด็กจึงเป็นผู้วางแผนและร่วมคิด ร่วมมือสืบค้นกับผู้อื่น ครูเป็นผู้สนับสนุน สังเกตและอำนวยความสะดวก หากเรื่องนั้นมีความเป็นไปได้ มีแหล่งข้อมูลเพียงพอ พ่อแม่และชุมชนมีความพร้อมที่จะร่วมมือ
  • - ทักษะการเรียนรู้หนังสือจำนวน ให้บูรณาการในหัวเรื่องโครงการ รวมทั้งวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษา ดังนั้น หัวเรื่องหนึ่งที่เด็กสนใจเรียนรู้นั้นต้องมีเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์และควรสำรวจที่โรงเรียนเหมาะกว่าที่บ้าน
การเรียนการสอนแบบ Projact Approach เป็นส่วนส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการทักษะในทุกด้านดังนี้1 การคิดอย่างมีเหตุผล
2. การทำงานอย่างเป็นระบบ
3. การวางแผนการทำงาน
4. ภาษาการสื่อสาร
5. พัฒนาตนเองอย่างเต็มประสิทธิภาพ
6. การคิดแก้ปัญหา
7. ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ
8. การแสดงความคิดเห็นกาพูดกล้าทำกล้าแสดงออก
9. มีความคิดรวบยอด
10. การแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
11. มีความกระตือรือร้นต่อการเรียนรู้ของสิ่งรอบตัว
12. มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
13. มีความสุขสนุกสนานกับการเรียนรู้
14. เห็นคุณค่าในความคิดของตนเอง



รูปภาพที่เกี่ยวข้อง



ทักษะ
  • ทักษะการพูด
  • ทักษะการฟัง
  • ทักษะการนำเสนอ
เทคนิคการสอน
  • ให้คำแนะนำ
  • ให้รับผิดชอบหน้าที่ของตนเอง
  • เปิดโอกาสให้เเสดงความคิดเห็น
การนำไปประยุกต์ใช้
       ใช้รูปแบบการเรียนการสอนในวันนี้ไปปรับใช้ในการเรียนการสอน เพื่อให้เด็กได้รับพัฒนาการเเละการเรียนรู้ให้มากที่สุด

การประเมิน
ตนเอง: ตั้งใจฟังเเละนำเสนอผลงานอย่างเต็มที่
เพื่อน: ตั้งใจเรียนเเละฟังเพื่อนๆนำเสนองาน
อาจารย์: ให้คำเเนะนำ อธิบายอย่างละเอียดให้นักศึกษาเข้าใจอย่างถูกต้อง


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

Record 13

Tuesday 3 April 2018 เนื้อหาการเรียนรู้         การเรียนการสอนวันนี้  เป็นการสอนของวันพฤหัสเเละวันสูกร์ที่ต้องออกมานำเสนอการสอนหน้าชั...