วันอาทิตย์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Record 2



Monday  22 January 2561

เนื้อหาการเรียน
          วันนี้อาจารย์ให้นักศึกษาออกมานำเสนองานที่ได้มอหมายไปเมื่อสัปดห์ที่แล้ว 

 กลุ่มที่ 1 พัฒนาการเเละคุณลักษณะตามวัย


ในภาพอาจจะมี 2 คน, ผู้คนกำลังยืน

ด้านร่างกาย
อายุ 3 ปี

  • กระโดดขึ้นลงอยู่กับทีได้
  • รับลูกบอลด้วยมือและลำตัว
  • เดินขึ้นบันไดสลับเท้าได้
  • เขียนรูปวงกลมตามแบบได้
อายุ 4 ปี
  • กระโดดขาเดียวอยู่กับที่ได้
  • รับลูกบอลด้วยมือทั้งสอง
  • เดินขึ้นลงบันไดสลับเท้าได้
  • เขียนรูปสี่เหลี่ยมตามแบบได้
  • ตัดกระดาษเป็นเส้นตรงได้
อายุ 5 ปี
  • กระโดดขาเดียวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องได้
  • รับลูกบอลที่กระดอนขึ้นจากพื้นด้วยมือทั้งสองข้าง
  • เดินขึ้นลงบันไดสลับเท้าได้อย่างคล่องแคล่ว
  • เขียนรูปสามเหลี่ยมตามแบบได้
  • ตัดกระดาษตามแนวเส้นโขงที่กำหนด
  • ใช้กล้ามเนื้อเล็กได้ดีเช่นติดกระดุมผูกเชือกรองเท้า
ด้านอารมณ์และจิตใจ
อายุ 3 ปี
  • กลัวการพลัดพรากจากผู้เลี้ยงดู
  • แสดงอารมณ์ตามความรู้สึก
  • ชอบที่จะทำให้ผู้ใหญ่พอใจและได้คำชม
อายุ 4 ปี
  • แสดงออกทางอารมณ์ได้เหมาะสมกับบางสถานการณ์
  • รู้จักชื่นชมความสามารถผลงานตนเองและผู้อื่น
  • ต้องการให้มีคนฟังมีคนสนใจ
อายุ 5 ปี
  • แสดงอารมณ์ได้สอดคล้องกับสถานการณ์
  • ชื่นชมผลงานตัวเองและผู้อื่น
  • ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางน้อยลง
  • เล่นหรือทำงานโดยมีจุดมุ่งหมายร่วมกับผู้อื่นได้
  • รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมาย
ด้านสังคม
อายุ 3 ปี
  • รับประทานอาหารด้วยตนเอง
  • ชอบเล่นแบบคู่ขนาน
  • เล่นสมมติได้
  • รู้จักการรอคอย
อายุ 4 ปี
  • แต่งตัวได้ด้วยตัวเอง ไปห้องน้ำได้ด้วยตัวเอง
  • เล่นร่วมกับผู้อื่นได้
  • แบ่งของให้คนอื่น
  • เก็บของเล่นเข้าที่ได้
อายุ 5 ปี
  • ปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตัวเอง
  • เล่นหรือทำงานโดยมีจุดมุ่งหมายร่วมกับผู้อื่นได้
  • พบผู้ใหญ่รู้จักไหว้ทำความเคารพ
  • รู้จักขอบคุณเมื่อได้รับของจากผู้ใหญ่
  • รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมาย
ด้านสติปัญญา
อายุ 3 ปี
  • สำรวจสิ่งต่างๆที่เหมือนและต่างกันได้
  • บอกชื่อตนเองได้
  • สนทนาตอบโต้ เล่าเรื่องด้วยประโยคสั้นได้
  • ร้องเพลงท่องกลอนจำคำคล้องจองง่ายๆและแสดงท่าทางเลียนแบบได้
  • รู้จักใช้คำถาม “อะไร”
อายุ 4 ปี
  • จำแนกสิ่งต่างๆด้วยประสาทสัมผัสทั้ง5 ได้
  • สนทนาตอบโต้เล่าเรื่องเป็นประโยคอย่างต่อเนื่อง
  • สร้างผลงานตามความคิดของตนเองด้วยมีรายละเอียดเพิ่มขึ้น
  • รู้จักใช้คำถาม “ทำไม”
อายุ 5 ปี
  • บอกความแตกต่างของกลิ่นสีเสียงรสรูปร่างจำแนกและจัดหมวดหมู่สิ่งของได้
  • พยายามหาวิธีแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
  • รู้จักใช้คำถาม “ทำไม” “อย่างไร”
  • เริ่มเข้าใจสิ่งที่เป็นนามธรรม
  • ความต้องการของเด็กปฐมวัย
  • ความต้องการพื้นฐานทางกาย เพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่
  • ความต้องการความอิสระ ควบคู่ไปกับความต้องการพื้นฐานทางกาย
  • ความต้องการผลสัมฤทธิ์ มักจะต้องการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทั้งสิ้น
  • ความต้องการประสบการณ์ที่ท้าทาย
  • ความต้องการมีเพื่อน เด็กปฐมวัยส่วนใหญ่ชอบอยู่ใกล้ชิดกับผู้อื่น
*หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560


กลุ่มที่ 2 ความสนใจและความต้องการของเด็กปฐมวัย


ในภาพอาจจะมี 1 คน, หน้าจอ และ สถานที่ในร่ม


ความต้องการ ความสนใจ
           เด็กปฐมวัยเป็นวัยเริ่มต้นของชีวิตที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาความเป็นมนุษย์  การสร้างรากฐานที่ดีทั้งทางร่างกาย และจิตใจให้กับเด็กในวันนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะช่วงอายุแรกเกิด ถึง6 ปีเป็นระยะที่มีความสำคัญช่วงหนึ่งในการวางรากฐานคุณภาพชีวิตของเด็ก ด้วยเหตุที่เด็กปฐมวัยมีธรรมชาติและลักษณะเฉพาะที่แตกต่างไปจากบุคคลวัยอื่นๆ

ความต้องการ
         ความต้องการเป็นสิ่งจาเป็นสำหรับการดำรงชีวิต ความต้องการเกิดขึ้นเมื่อร่างกายขาดความสมดุล  ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทาให้ร่างกายเกิดความเครียด ไม่เป็นสุข ดังนั้นร่างกายจึงต้องมีการกระทำเกิดขึ้นเพื่อให้ร่างกายกลับสู่สภาวะสมดุลตามปกติ

ชนิดของความต้องการ
1.ความต้องการของแต่ละคน (Individual Needs )
       - ความต้องการทางอินทรีย์
       - ความต้องการที่จะสร้างบุคลิกภาพ
2 ความต้องการที่จะสร้างบุคลิกภาพ
       - ความต้องการที่จะรักคนอื่นและให้คนอื่นรักตน
       - ความต้องการความปลอดภัย
       - ความต้องการการมีส่วนร่วม หรือเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
       - ความต้องการความสัมฤทธิ์ผลหรือต้องการให้บรรลุจุดมุ่งหมายของตน
       - ความต้องการรู้สิ่งต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาสติปัญญา
       - ความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงจากสภาพที่อยู่ปกติให้เป็นสภาพใหม่
       - ความต้องการที่จะรับความพึงพอใจในทางสวยงาม

ความต้องการทางสังคม (Social Need)
         ได้แก่ ความต้องการความปลอดภัยทางเศรษฐกิจ การนับหน้าถือตา ความนิยมชมชื่น ความเป็นมิตรภาพต่อกัน และความต้องการในสมบูรณาการ (Integration) ซึ่งเป็นความต้องการ  ที่เป็นความสุขของชีวิตตามอุดมคติ
       เด็กปฐมวัยจะมีความใจอยู่ช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณ 2-3 นาทีตามวัยของเด็ก หากเราจะจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการขอเด็กปฐมวัย และอยากให้เด็กสนใจและเกิดความต้องการเราต้องศึกษาสิ่งที่เด็กสนใจ หรือวิธีการเรียนรู้ของเด็ก นั่นก็คือการที่เด็กได้เป็นผู้ปฏิบัติเอง ได้ลงมือทำเอง เป็นต้น



กลุ่มที่ 3 การเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย (กลุ่มของดิฉัน)


ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, หน้าจอ และ สถานที่ในร่ม


การเรียนรู้คืออะไร?
      การเรียนรู้ หมายถึง การเปลี่ยนพฤติกรรมซึ่งเป็นผลมาจากประสบการณ์ที่คนเรามีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม หรือจากการฝึกหัด รวมทั้งการเปลี่ยนปริมาณความรู้ของผู้เรียน   
มีองค์ประกอบ 3 อย่าง คือ 1) มนุษย์ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจาก ไม่รู้เป็น รู้”  “ทำไม่ได้เป็น ทำได้” “ไม่เคยทำเป็น ทำ2) การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมนั้นต้องเป็นไปอย่างถาวร 3) การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนั้น เกิดจากประสบการณ์การฝึกฝนและการฝึกหัด ไม่ใช่จากเหตุอื่นๆนอกจากนั้น

เด็กปฐมวัยคืออะไร?
เด็กปฐมวัย (Early Childhood) เป็นคำที่ใช้เรียกเด็กที่มีอายุตั้งแต่ปฏิสนธิจนถึง 6 ปี ซึ่งอยู่ในวัยที่คุณภาพของชีวิทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญากำลังเริ่มต้นพัฒนาอย่างเต็มที่

ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจท์
       เพียเจท์  กล่าวถึง การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยว่าเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดจากการทำงานของโครงสร้างทางปัญญา เป็นวิธีที่เด็กจะเริ่มต้นด้วยความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับสิ่งแวดล้อม เพียเจท์ได้มองการเล่นเป็นกระบวนการพัฒนาทางสติปัญญา ซึ่งกระบวนการพัฒนาทางสติปัญญา และลักษณะของการเล่นนั้น จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน  เพียเจท์ได้แบ่งพัฒนาการทางสติปัญญาออกเป็น  4  ขั้น
1.  ขั้นประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหว
2. ขั้นความคิดก่อนปฏิบัติการ
3. ขั้นปฏิบัติการคิดแบบรูปธรรม
4. ขั้นปฏิบัติการคิดแบบนามธรรม

 ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของไวกอสกี้
       กล่าวว่า เด็กจะเกิดการเรียนรู้  พัฒนาสติปัญญาและทัศนคติเมื่อมีการปฏิสัมพันธ์และทำงานร่วมกับผู้อื่น  หากเด็กต้องเผชิญกับปัญหาที่ท้าทายแต่ไม่สามารถคิดแก้ปัญหาโดยลำพัง  แต่ถ้าได้รับการช่วยเหลือแนะนำจากผู้ใหญ่หรือเพื่อนที่มีประสบการณ์มาก่อน  เด็กจะสามารถแก้ปัญหานั้นและจะเกิดการเรียนรู้ได้

ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของบรูเนอร์
               บรูเนอร์ เชื่อว่า ครูสามารถจัดประสบการณ์ให้กับเด็กปฐมวัยเพื่อให้เด็กเกิดความพร้อมที่จะเรียนได้ โดยต้องคำนึงถึงทฤษฎีพัฒนาการว่าเป็นตัวเชื่อมระหว่างความรู้และการสอน กล่าวคือพัฒนาการจะเป็นตัวกำหนดเนื้อหาความรู้และวิธีการสอน   หรือกิจกรรมการเรียนการสอนต้องสอดคล้องกับพัฒนาการและความสามารถของเด็กเป็นหลัก จึงได้แบ่งขั้นพัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กปฐมวัยออกเป็น 3 ขั้นตอน
 1.  ขั้นการเรียนรู้ด้วยการกระทำ
2.  ขั้นการเรียนรู้ด้วยภาพและจินตนาการ
3.  ขั้นการเรียนรู้ด้วยสัญลักษณ์

หลักการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
1.  จัดประสบการณ์การเล่นและการเรียนรู้เพื่อพัฒนาเด็กโดยองค์รวมอย่างต่อเนื่อง
2.  เน้นเด็กเป็นสำคัญ สนองความต้องการ ความสนใจ ความแตกต่างระหว่างบุคคล และบริบทของสังคมที่เด็กอาศัยอยู่
3.  จัดให้เด็กได้รับพัฒนาโดยให้ความสำคัญทั้งกับกระบวนการและผลผลิต

แนวการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
1.  จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับจิตวิทยาพัฒนาการ คือเหมาะกับอายุ วุฒิภาวะ และระดับพัฒนาการ เพื่อให้เด็กทุกคนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพ  
 2.  จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับลักษณะการเรียนรู้ของเด็กวัยนี้คือ เด็กได้ลงมือกระทำ เรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้เคลื่อนไหว สำรวจ เล่น สังเกต สืบค้น ทดลอง และคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง 
3.  จัดประสบการณ์ในรูปแบบบูรณาการ คือ บูรณาการทั้งทักษะและสาระการเรียนรู้           
4.  จัดประสบการณ์ให้เด็กได้ริเริ่ม คิด วางแผน ตัดสินใจ ลงมือกระทำ และนำเสนอความคิดโดยผู้สอนเป็นผู้สนับสนุน อำนวยความสะดวก และเรียนรู้ร่วมกับเด็ก           
5.  จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กอื่น กับผู้ใหญ่ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ในบรรยากาศที่อบอุ่น มีความสุขและเรียนรู้การทำกิจกรรมแบบร่วมมือในลักษณะต่าง ๆ กัน          
6.  จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อและแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลายและอยู่ในวิถีชีวิตของเด็ก          
 7.  จัดประสบการณ์ที่ส่งเสริมลักษณะนิสัยที่ดีและทักษะการใช้ชีวิตประจำวันตลอดจนสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมให้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ           
8. จัดสภาพแวดล้อมภายในห้องเรียน ให้มีมุมเล่น หรือมุมประสบการณ์ หรือศูนย์การเรียนต่าง ๆ ให้เด็กได้มีโอกาสเล่นร่วมกับผู้อื่น


กลุ่มที่ 4 รูปแบบการเรียนรู้นวัตกรรมการสอนโปรเจค (Project Approach)



ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป และ ผู้คนกำลังยืน



            การสอนแบบโครงการ หมายถึง การจัดการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่งซึ่งให้ความสำคัญกับเด็ก ส่งเสริมให้เด็กแสวงหาคำตอบจากการเรียนเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลุ่มลึกเพื่อสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยที่เด็กหรือครูร่วมกันกำหนดเรื่องที่ต้องการเรียนรู้ แล้วดำเนินการแสวงหาความรู้ด้วยกระบวนการแก้ปัญหา โดยครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงและจากแหล่งเรียนรู้

การสอนแบบโครงการเป็นการจัดการเรียนการสอนที่มีลักษณะสำคัญดังนี้
        ความคิดพื้นฐานเชื่อว่า การเรียนรู้ของเด็กมาจากการกระทำ เด็กเป็นผู้ที่ต้องพัฒนา มีความคิด มีความมุ่งหมาย ความต้องการที่จะเรียนรู้ทำอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นของตนเองต้องพึ่งตนเอง การสอนแบบโครงการมุ่งพัฒนาทางร่างกายและจิตใจของเด็กไปพร้อมกัน
  • วิธีจัดการเรียนการสอนมี 4 ระยะ คือ
  • ระยะที่ 1 เริ่มต้นโครงการ เด็กจะร่วมกันคิดเรื่องที่สนใจ
  • ระยะที่ 2 ระยะวางแผนโครงการ เป็นช่วงเวลาที่กำหนดจุดประสงค์ว่าต้องการเรียนรู้อะไร กำหนดขอบเขตเนื้อหา ระยะเวลาและวิธีการศึกษา
  • ระยะที่ 3 ดำเนินโครงการตามที่กำหนดไว้ ที่เน้นระบวนการแก้ปัญหา จัดเป็นหัวใจของการสอนแบบโครงการ เพราะเด็กจะได้รับข้อมูลใหม่จากประสบการณ์ตรงหรือเป็นแหล่งข้อมูลพื้นฐานเพราะเด็กได้สนทนา พูดคุยกับบุคคล และสืบค้นจากแหล่งเรียนรู้ ขณะเดียวกันเด็กสามารถค้นความรู้จากแหล่งข้อมูลรอง (Secondary Sources) เช่น การดูวีดีทัศน์ การอ่านหนังสือ เป็นต้น
  • ระยะที่ 4 สรุปโครงการ ครูและเด็กร่วมวางแผนสรุปโครงการ เป็นขั้นตอนการประเมินโครงการ ทบทวนการปฏิบัติ และวางแผนโครงการใหม่ วิธีการสรุปโครงการอาจจะให้เด็กนำผลงานที่ได้รับมอบหมายมาแสดงต่อครูแล้วอภิปรายประเด็นปัญหา หรือให้เด็กนำเสนอผลงาน ในรูปของการจัดแสดง จัดเป็นนิทรรศการ หรือสาธิตผลงาน
  • - มีกิจกรรมหลักในโครงการ 4 กิจกรรมคือ กิจกรรมสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในชั้นเรียน กิจกรรมทัศนศึกษา กิจกรรมสืบค้น และกิจกรรมนำเสนอผลงาน
  • - กิจกรรมสืบค้นมีหลากหลายได้แก่ การรวบรวมข้อมูลที่ได้จากการสังเกต การสัมภาษณ์ การปฏิบัติทดลอง การรวบรวมเอกสาร การรายงาน การจัดแสดงผลงานที่ได้จากโครงการ เป็นต้น
  • - เรื่องที่จะเรียนมาจากความสนใจของเด็กที่ต้องการเรียนอย่างลุ่มลึก เด็กจึงเป็นผู้วางแผนและร่วมคิด ร่วมมือสืบค้นกับผู้อื่น ครูเป็นผู้สนับสนุน สังเกตและอำนวยความสะดวก หากเรื่องนั้นมีความเป็นไปได้ มีแหล่งข้อมูลเพียงพอ พ่อแม่และชุมชนมีความพร้อมที่จะร่วมมือ
  • - ทักษะการเรียนรู้หนังสือจำนวน ให้บูรณาการในหัวเรื่องโครงการ รวมทั้งวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษา ดังนั้น หัวเรื่องหนึ่งที่เด็กสนใจเรียนรู้นั้นต้องมีเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์และควรสำรวจที่โรงเรียนเหมาะกว่าที่บ้าน
การเรียนการสอนแบบ Projact Approach เป็นส่วนส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการทักษะในทุกด้านดังนี้1 การคิดอย่างมีเหตุผล
2. การทำงานอย่างเป็นระบบ
3. การวางแผนการทำงาน
4. ภาษาการสื่อสาร
5. พัฒนาตนเองอย่างเต็มประสิทธิภาพ
6. การคิดแก้ปัญหา
7. ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ
8. การแสดงความคิดเห็นกาพูดกล้าทำกล้าแสดงออก
9. มีความคิดรวบยอด
10. การแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
11. มีความกระตือรือร้นต่อการเรียนรู้ของสิ่งรอบตัว
12. มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
13. มีความสุขสนุกสนานกับการเรียนรู้
14. เห็นคุณค่าในความคิดของตนเอง



รูปภาพที่เกี่ยวข้อง



ทักษะ
  • ทักษะการพูด
  • ทักษะการฟัง
  • ทักษะการนำเสนอ
เทคนิคการสอน
  • ให้คำแนะนำ
  • ให้รับผิดชอบหน้าที่ของตนเอง
  • เปิดโอกาสให้เเสดงความคิดเห็น
การนำไปประยุกต์ใช้
       ใช้รูปแบบการเรียนการสอนในวันนี้ไปปรับใช้ในการเรียนการสอน เพื่อให้เด็กได้รับพัฒนาการเเละการเรียนรู้ให้มากที่สุด

การประเมิน
ตนเอง: ตั้งใจฟังเเละนำเสนอผลงานอย่างเต็มที่
เพื่อน: ตั้งใจเรียนเเละฟังเพื่อนๆนำเสนองาน
อาจารย์: ให้คำเเนะนำ อธิบายอย่างละเอียดให้นักศึกษาเข้าใจอย่างถูกต้อง


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Record 13

Tuesday 3 April 2018 เนื้อหาการเรียนรู้         การเรียนการสอนวันนี้  เป็นการสอนของวันพฤหัสเเละวันสูกร์ที่ต้องออกมานำเสนอการสอนหน้าชั...