วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

Record 13

Tuesday 3 April 2018


เนื้อหาการเรียนรู้
       การเรียนการสอนวันนี้  เป็นการสอนของวันพฤหัสเเละวันสูกร์ที่ต้องออกมานำเสนอการสอนหน้าชั้นเรียน

หน่วยผลไม้เพื่อสุขภาพ

วัตถุประสงค์
1.เพื่อให้เด็กบอกประโยชน์ของผลไม้ได้
2.เพื่อให้เด็กสนทนากับครูและเพื่อนๆได้
3.เพื่อให้เด็กแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเคารพความคิดเห็นของผู้อื่น
4.เพื่อให้เด็กฝึกทักษะกระบวนการคิด
สาระที่ควรเรียนรู้
ประโยชน์ของผลไม้
1. เป็นอาหารให้กับคนและสัตว์
2. มีวิตามิน ช่วยบำรุงส่วนต่างๆ ของร่างกาย
และมีใยอาหาร ช่วยในระบบขับถ่าย
3.เราจะถนอมอาหารไว้กินนานด้วยวิธี การอบแห้ง ตาก
4. สร้างอาชีพและสร้างรายได้ เช่น ขายผลไม้ ชาวสวน และนำไปแปรรูปเพื่อส่งออก
ประสบการณ์สำคัญ
1.การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเคารพความคิดเห็นของผู้อื่น
2.การแสดงความรู้สึกด้วยคำพูด
3.การมีโอกาสได้รับความรู้สึก ความสนใจ ความต้องการของตนเองและผู้อื่น
4.การพูดกับผู้อื่นเกี่ยวกับประสบการณ์ของตนเอง

กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนำ
1.ครูเล่านิทานให้เด็กฟัง เรื่อง ผลไม้ดีมีประโยชน์ 
ขั้นสอน
2. ครูและเด็กร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับนิทานโดยใช้คำถาม ดังนี้
-ในนิทานมีผลไม้อะไรบ้าง
-เด็กๆรู้จักผลไม้ชนิดไหนอีกบ้าง
-ในนิทานผลไม้มีประโยชน์อย่างไรบ้าง
-นอกใจนิทานเด็กๆคิดว่าผลไม้มีประโยชน์อะไรบ้าง
-ในนิทานมีการถนอมผลไม้อย่างไรบ้าง
-นอกจากในนิทานเด็กๆมีวิธีถนอมผลไม้ด้วยวิธีใดบ้าง
3.ครูถามความรู้เดิมเด็กเกี่ยวกับประโยชน์และวิธีถนอมผลไม้
4.ครูเขียนลงมายแม็บ ประโยชน์ผลไม้และวิธีถนอมอาหาร
ขั้นสรุป
5.ครูและเด็กร่วมกันสรุปประโยชน์และวิธีถนอมผลไม้
ครูให้ตัวแทนเด็กออกมาจับคู่ประโยชน์ผลไม้

สื่อ
1.นิทาน เรื่อง ผลไม้ดีมีประโยชน์
2.มายแม็บประโยชน์ผลไม้
3.มายแม็บวิธีถนอมอาหาร

การประเมิน
การสังเกต
1.การบอกประโชน์ของผลไม้
2.การสนทนากับครูและเพื่อนๆ
3.การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเคารพความคิดเห็นของผู้อื่น
4.การทักษะกระบวนการคิดในการตอบคำถาม






คำแนะนำเพิ่มเติม
  • ถามในนิทานให้เสร็จก่อน หลังจากนั้นถามประสบการณ์เดิม
  • ระโยชน์ของผลไม้และวิธีถนอมผลไม้ สามารถสอนคนละวันกันได้
  • มีภาพมาติดด้วย ให้เด็กเห็น
  • สอนน้อยๆ ให้เด็กเชื่อมโยงได้
  • รูปภาพไม่ควรวางกับพื้น ควรวางให้เด็กเห็น
  • ผลไม้ ควรมาอยู่ข้างหน้า ผลไม้ 

หน่วย ตัวฉัน




คำแนะนำเพิ่มเติม
  • สอนเป็นลำดับขั้นตอน ไปทีละขั้น
  • ติดรูปภาพก่อน จากนั้นสาธิตให้เด็กดู
  • เพลงต้องมีความสอดคล้องกับเนื้อหาของขั้นตอนการล้างมือ
  • ทำสื่อที่ใช้ได้นานๆ

หน่วย ประสาทสัมผัสทั้ง 5 

วัตถุประสงค์
1. เด็กสนทนาเรื่องการได้ยินร่วมกันได้
2. เด็กเปรียบเทียบเสียงที่ได้ยินได้
3. เด็กบอกแหล่งกำเนิดเสียงได้

สาระที่ควรเรียนรู้
 1.  แหล่งกำเนิดเสียง
 2.   ธรรมชาติ
 3.  มนุษย์สร้างขึ้น

ประสบการณ์สำคัญ
ด้านร่างกาย
1. การรักษาความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่นในกิจวัตรประจำวัน
ด้านอารมณ์-จิตใจ
2. การแสดงปฏิกริยาโต้ตอบเสียงดนตรี
ด้านสังคม
3. การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเคารพความคิดเห็นของผู้อื่น
ด้านสติปัญญา
4. การรู้จักสิ่งต่างๆด้วยการมอง ฟัง สัมผัส  ชิมรสและดมกลิ่น

กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนำ
1.ครูและเด็กๆร่วมกันร้องเพลง  ตาดูหูฟัง 
                    เรามีตาไว้ดู เรามีหูไว้ฟัง
                    คุณครูท่านสอนท่านสั่ง
                    ต้องตั้งใจฟัง ต้องตั้งใจดู
2.ครูและเด็กๆร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับการได้ยิน
ขั้นสอน
3.ครูให้เด็กๆฟังเสียงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ดังนี้ ฝนตก ฟ้าผ่า นกร้อง แล้วให้เด็กๆบอกว่าได้ยินเสียงอะไร จากนั้นบันทึกผล
4.ครูให้เด็กๆฟังเสียงที่เกิดขึ้นจากมนุษย์ ดังนี้ ร้องเพลง ดนตรี เสียงพูด แล้วให้เด็กๆบอกว่าได้ยินเสียงอะไร จากนั้นบันทึกผล


5.ครูให้เด็กๆแยกเสียงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและเกิดขึ้นจากมนุษย์


ขั้นสรุป
 6.ครูสนทนาร่วมกันกับเด็กเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดเสียงว่ามีอะไรบ้าง เสียงที่เรียนไปมีเสียงอะไรบ้างและนอกเหนือจากที่เรียนไปมีเสียงอะไรอีกบ้าง

สื่อ
ชาร์จเพลง
เสียงต่างๆ
ตารางบันทึกผล
ตารางแยกแหล่งกำเนิดเสียง

การประเมิน
การสังเกตจาก
1. เด็กสามารถสนทนาเรื่องการได้ยินร่วมกันได้
2. เด็กสามารถเปรียบเทียบเสียงที่ได้ยินได้
3. เด็กสามารถบอกแหล่งกำเนิดเสียงได้




คำแนะนำเพิ่มเติม
  • วัตถุประสงค์ต้องสอดคล้องกัน
  • เขียนอธิบายสาระที่ควรเรียนรู้ให้ชัดเจน
  • ประสบการณ์สำคัญเขียนให้สอดคล้องกับเรื่อง
  • เพลงที่เอามานั้น ต้องสอนเรื่องหู (สามารถแต่งขึ้นเองได้)
  • ใช้ภาพติด ทำตัวลวงขึ้นด้วย
  • ควรเลือกแค่เกณฑ์เดียว คือ เสียงธรรมชาติ นอกนั้นไม่ใช่เสียงที่เกิดจากธรรมชาติ
  • ควรมีภาพให้เห็น ให้เด็กนำมาแปะเเทนการเขียน


หน่วย ใต้ร่มเงาไม้ 
วัตถุประสงค์
1.เพื่อให้เด็กร่วมสนทนากับครูได้
2.เพื่อให้เด็กบอกประโยชน์ของต้นไม้ได้อย่างน้อย 5 อย่าง
3. เด็กตอบคำถามได้
สาระที่ควรเรียนรู้
    ต้นไม้มีประโยชน์หลายด้านทั้งต่อตนเอง ต่อโลก และในการสร้างอาชีพ ได้แก่ ไม้แปรรูป เป็นต้น
ประสบการณ์สำคัญ
ด้านร่างกาย
- การประสานสัมพันธ์ระหว่างตากับมือ
ด้านอารมณ์และจิตใจ
. การร่วมกิจกรรมด้วยความสนุกสนาน
ด้านสังคม
การเล่นและทำงานร่วมกับผู้อื่น
ด้านสติปัญญา
การแสดงความรู้สึกด้วยคำพูด

กิจกรรมการเรียนรู้

ขั้นนำ
1. ครูแจกจิ๊กซอว์รูปโต๊ะเก้าอี้ให้เด็กออกมาต่อให้สมบูรณ์ที่กระดานหน้าห้อง


2ครูสนทนาเกี่ยวกับจิ๊กซอว์รูปโต๊ะเก้าอี้ เด็กๆทราบไหมว่าโต๊ะเก้าอี้ทำมาจากอะไร” หลังจากนั้นครูก็ถามเด็กๆจากประสบการณ์เดิมว่าเด็กๆลอง มองรอบๆห้องเรียนสิว่ามีอะไรบ้างที่ทำมาจากต้นไม้นอกเหนือจากรูปภาพที่ครูเอามา                                         
ขั้นสอน
3. ครูบอกประโยชน์ของต้นไม้ทั้ง ด้าน ได้แก่ ประโยชน์ต่อตนเอง  ประโยชน์ต่อโลก ประโยชน์ในการสร้างอาชีพ   
4. ครูให้เด็กออกมาเลือกรูปภาพที่ครูเตรียมไว้แล้วให้เด็กๆช่วยกันดูว่ารูปภาพที่เด็กๆเลือกมาเป็นประโยชน์ในด้านไหนแล้วนำมาติดลงในตาราง                                                            
ขั้นสรุป
5. ครูและเด็กร่วมกันสรุปประโยชน์ของต้นไม้    “ครูถามเด็กๆว่าสรุปแล้วต้นไม้สามารถนำมาทำอะไรได้บ้าง”                          


สื่อ
จิ๊กซอว์รูปโต๊ะเก้าอี้
- แผ่นบันทึกประโยชน์ของต้นไม้
แผ่นตารางบันทึก
รูปภาพประโยชน์ของต้นไม้

การประเมิน
สังเกตจาก
1.การตอบคำถามการแลกเปลี่ยนความคิดของเด็ก
2.เด็กบอกประโยชน์ของต้นไม้ได้อย่างน้อย 5 อย่าง
3.การสนทนาถามเด็ก 





คำเเนะนำเพิ่มเติม
  • ควรโยงขั้นนำการต่อจิ๊กซอว์เข้ากับขั้นสอนด้วย
  • ควรมีรูปภาพมาให้เด็กเห็น
  • เชิงพาณิชย์ คำยากไป เปลี่ยนเป็น "อาชีพ"
  • ไม่ควรเอาภาพเดียวกัน
  • ต้องมีจังหวะการสอน

หน่วย ตัวฉัน 

วัตถุประสงค์
1.  เพื่อให้เด็กบอกการปฏิบัติตนให้มีพลานามัยดีได้
2.  เพื่อให้เด็กร่วมสนทนากับครูได้
3. เด็กร่วมกิจกรรมด้วยความสนุกสนาน
สาระที่ควรเรียนรู้
      - การปฏิบัติตนให้มีพลานามัยที่ดี ได้แก่ การออกกำลังกาย, การกินอาหารที่มีประโยชน์, การพักผ่อน และการดูแลรักษาความสะอาดของร่างกาย 
ประสบการณ์สำคัญ
ด้านร่างกาย
    1. การประสานสัมพันธ์ระหว่างมือกับตา
ด้านอารมณ์ – จิตใจ
    2. การร่วมกิจกรรมด้วยความสนุกสนาน
ด้านสังคม
    3. การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเคารพความคิดเห็นของผู้อื่น
ด้านสติปัญญา
    4. การใช้ภาษาในการตอบคำถาม
    5. การคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล

กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนำ
1. ครูร้องเพลง ให้เด็กๆ เอามือปิดตา จากนั้นครูแจกชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ให้เด็กตัวแทนออกมาต่อเป็นรูป
2. จากภาพที่สมบูรณ์ครูและเด็กร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับภาพการออกกำลังกายด้วยการถามคำถาม และตอบคำถาม
- ในภาพเด็กๆคิดว่าเขาทำอะไร
- แล้วเขาทำไปทำไม
ขั้นสอน
3. ครูสนทนาและแสดงข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติตนให้มีพลานามัยดี   โดยใช้คำถามดังนี้
เด็กๆ คิดว่าการออกกำลังกายมีอะไรบ้าง
ขั้นสรุป
 4. เด็กและครูสนทนาร่วมกัน สรุปถึงวิธีการปฏิบัติตนให้มีพลานามัยที่ดี

สื่อ
1.จิ๊กซอว์ภาพการออกกำลังกาย
2.บัตรภาพกิจกรรมต่างๆ
3.Mindmap การปฏิบัติตนให้มีพลานามัยที่ดี

การประเมิน
การสังเกตจาก
1. การตอบคำถามขณะทำกิจกรรม
2. การแสดงออกขณะทำกิจกรรม





คำเเนะนำเพิ่มเติม
  •  ถามประสบการณ์เดิม ด้วยภาพก่อน
  • เชื่อมโยงขั้นนำเข้ากับขั้นสอน
  • อธิบายให้เด็กฟังก่อนติดภาพ
  • ให้เด็กหันให้เพื่อนดูด้วยว่าคือภาพอะไร
  • ภาพควรมีขนาดใหญ่กว่านี้


หน่วย อาหารดีมีคุณค่า

วัตถุประสงค์
1. เด็กบอกวัตถุดิบในการทำหมูสร่งได้
2. เด็กบอกขั้นตอนการทำหมูสร่งได้
3. เด็กบอกรสชาติของหมูสร่งได้
สาระที่ควรเรียนรู้
     วัตถุดิบ ขั้นตอนในการทำและรสชาติหมูโสร่ง
ประสบการณ์สำคัญ
ด้านร่างกาย
- การปฏิบัติตนตามสุขอนามัย
 ด้านอารมณ์
การร้องเพลง
 ด้านสังคม
- การเล่นและการทำงานร่วมกับผู้อื่น
ด้านสติปัญญา
   - การรู้จักสิ่งต่างๆด้วยการมอง ฟัง สัมผัส ชิมรสและดมกลิ่น


กิจกรรมการเรียนรู้                                                               
ขั้นนำ
- ครูและเด็ก ๆ ร่วมกันทำกิจกรรมเปิดภาพปริศนา
ขั้นสอน
- ครูและเด็ก ๆ สนทนาเกี่ยวกับหมูโสร่ง เช่น
   “เด็กๆรู้จักหมูสร่งไหมคะ
   “เด็กๆเคยรับประทานหมูสร่งไหมคะ” เป็นต้น
ครูและเด็กๆร่วมกันอ่านวัตถุดิบ อุปกรณ์และวิธีการทำหมูสร่ง
- ครูสาธิตวิธีการทำหมูสร่ง
ครูให้เด็กแบ่งกลุ่ม 4 กลุ่ม  ครูขอตัวแทนออกมารับวัตถุดิบ อุปกรณ์
สมาชิกในกลุ่มร่วมมือกันทำหมูสร่ง
ครูขอตัวแทนของแต่ละกลุ่ม คนออกมานำเสนอหมูสร่ง
ขั้นสรุป
- ครูตั้งคำถามว่า
วัตถุดิบในการทำหมูสร่งมีอะไรบ้าง?” “หมูสร่งมีขั้นตอนในการทำอย่างไร?” รสชาติเป็นอย่างไร?”

สื่อ
แผ่นชาร์ทวัตถุดิบและวัตถุดิบจริงในการทำหมูโสร่ง
แผ่นชาร์ทอุปกรณ์และอุปกรณ์จริงในการทำหมูโสร่ง
   - แผ่นชาร์ทขั้นตอนการทำหมูโสร่ง

การประเมินผล
สังเกตจากการทำกิจกรรมของเด็ก
1. เด็กสามารถบอกวัตถุดิบในการทำหมูโสร่งได้
2. เด็กสามารถบอกขั้นตอนการทำหมูโสร่งได้
3. เด็กบอกรสชาติของหมูโสร่งได้









คำเเนะนำเพิ่มเติม
  • ควรเตรียมของไว้ให้เด็กเรียบร้อย
  • ควรบอกสัดส่วนของวัตถุดิบให้ชัดเจน ให้เด็กได้เรื่องของคณิตศาสตร์
  • วิธีการจัดกลุ่ม ไม่ต้องเวียนฐาน มีอุปกรณ์ไว้ให้ครบทุกจุด
  • สามารถทำได้ 2 วิธี คือให้เด็กจับกลุ่ม กับบการเวียนกลุ่ม
  • จัดเตรียมของ ต้องให้เด็กส่งตัวเเทนมา กลุมละ 1 คน ไม่อย่างนั้นจะวุ่นวาย
ทักษะ
  • ทักษะการฟัง
  • ทักษะการคิด
  • ทักษะการนำเสนอข้อมูล
  • ทักษะการสอน
  • ทักษะการคิดอย่างเป็นระบบ
  • ทักษะการวางแผน
เทคนิคการสอน
  • วางแผนขั้นตอนการสอน
  • จัดเตรียมอุปกรณ์พร้อมสอน
 การนำไปประยุกต์ใช้
      ปรับปรุงข้อผิดพลาดของตนเอง จัดการเรียนการสอนให้มีประะสิทธิภาพมากขึ้น
การประเมิน
ตนเอง: ตั้งใจเรียน ตั้งใจฟังในสิ่งที่เพื่อนนำเสนอ ร่วมเเสดงความคิดเห็น
เพื่อน: ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเป็นอย่างดี ตั้งใจฟังเพื่อน
อาจารย์: คอยให้คำแนะนำเพิ่มเติม พูดจาสุภาพ สอนให้นักศึกษาเข้าใจมากขึ้น 


Record 12


Monday 2 April 2018


เนื้อหาการเรียนรู้
            การจัดกระบวนการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (Brain-based learning) ในศตวรรษที่ 21 เริ่มเด่นชัดและ มีความสำคัญเป็นอย่างมาก Brain based learning เป็นที่รู้จักในวงการการศึกษาไทย รวมไปถึงบรรดาพ่อแม่ ผู้ปกครองที่สรรหาความแปลกใหม่ทางการศึกษาสำหรับลูก แม้แต่กระทรวงศึกษา
ธิการเองก็มีนโยบายให้มีการจัดการศึกษาในแนวทางนี้เป็นแนวทางหลักที่ใช้ในโรงเรียน คนเราจะเกิดมาฉลาดหลักแหลมหรือเป็นคนโง่ทึ่มนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดยังคงเป็น "สมองเพราะสมองเป็นตัวที่จะรับรู้และสั่งการ ทำให้เรามีความคิดและการกระทำ ถ้าปราศจากการสั่งการจากสมองแล้ว เราคงจะทำอะไรไม่ได้เลย การที่จะเลี้ยงลูกให้ฉลาดนั้น จำเป็นจะต้องพัฒนาสมองของลูกไปให้ถูกทาง สร้างเสริมความรู้ประสบการณ์ให้เหมาะสมกับวัยเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของสมอง จะเห็นได้ว่าศักยภาพของสมองมนุษย์มีอยู่มากมายมหาศาลและพลังของสมองนั้นไม่มีขอบเขตจำกัดหรือไม่มีที่สิ้นสุดนั้นเอง ดังนั้น การนำความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของสมองมาใช้ในการจัดการเรียนรู้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและเป็นการเสริมสร้างศักยภาพของผู้เรียน รวมถึงเป็นการพัฒนาการจัดการศึกษาให้ดีขึ้นด้วย

ความหมายของการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน

การเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เป็นแนวความคิดของนักประสาทวิทยาและนักการศึกษา
กลุ่มหนึ่ง ที่สนใจการทำงานของสมองมาประสานกับการจัดการศึกษา โดยนำความรู้ ความเข้าใจ
เกี่ยวกับสมองมาใช้เป็นเครื่องมือในการออกแบบการจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาศักยภาพสูงสุด
ในการเรียนรู้ของมนุษย์แต่ละช่วงวัย สมองมนุษย์เป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดที่มนุษย์ต้องใช้ในการเรียนรู้
ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญหรือนักวิชาการต่างได้ให้นิยาม หรือแนวทางที่แตกต่างกัน ดังนี้
เคน และเคน (Caine and Caine. 1989 : Web Site) อธิบายว่า การเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานเป็นทฤษฎีการเรียนรู้ที่อยู่บนพื้นฐานของโครงสร้างและหน้าที่การทำงานของสมองหากสมองยังปฏิบัติตามกระบวนการทำงานปกติการเรียนรู้ก็ยังจะเกิดขึ้นต่อไป ทฤษฎีนี้เป็นสหวิทยาการเพื่อทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ดีที่สุดซึ่งมาจากงานวิจัยทางประสาทวิทยา
อีริก (Eric Jensen. 2000) กล่าวว่า การจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดการเชื่อมต่อไปยังสมอง ไม่ว่าจะทางใดก็ตาม ถือเป็นการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน โดยเป็นการรวมสหวิทยาการต่าง ๆ เช่น เคมี ชีวิวิทยา ระบบประสาทวิทยา จิตวิทยาสังคมวิทยา มาอธิบายกระบวนการเรียนรู้ของมนุษย์ โดยเฉพาะความเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการเรียนรู้กับสมอง เพราะการเรียนรู้บนฐานสมองไม่ได้มุ่งเน้นการออกแบบการเรียนรู้เพื่อพัฒนาสมอง หรือทาอย่างไรให้สมองเจริญเติบโต แต่หัวใจสำคัญของการเรียนรู้บนฐานสมองอยู่ที่จะออกแบบการเรียนการสอนอย่างไรให้สมองสามารถเรียนรู้ได้ดีที่สุด
สรุปได้ว่า การจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน หมายถึง แนวการจัดการเรียนรู้ที่เน้น
ผู้เรียนเป็นสำคัญตามหลักการของสมองกับการเรียนรู้ การเรียนรู้ต้องใช้ทุกส่วนทั้งการคิด ความรู้สึก
และการลงมือปฏิบัติไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งเป็นการสรุปความรู้เกี่ยวกับการเรียนรู้


การเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน ( Brain  Based  Learning : BBL)
หลักการจัดการเรียนการสอน  แบบ  Brain  Based  Learning
             BBL (Brain-based Learning) คือการจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับพัฒนาการของสมองแต่ละช่วงวัย เป็นการนำองค์ความรู้เรื่องสมองมาใช้เป็นฐานในการออกแบบกระบวนการเรียนรู้
            การนำทฤษฏีพหุปัญามาใช้กับการเรียนการสอนแบบ Brain  Based  Learning ศาสตราจารย์โฮวาร์ด การ์ดเนอร์ (Howard Gardner) นักจิตวิทยา มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด  ได้เสนอแนวคิดว่า ในปัจจุบันมีปัญญาอยู่อย่างน้อย 8 ด้าน ดังนี้
1. ปัญญาด้านภาษา (Linguistic Intelligence)
2. ปัญญาด้านตรรกศาสตร์และคณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical Intelligence)
3. ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์ (Visual-Spatial Intelligence)
4. ปัญญาด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว (Bodily Kinesthetic Intelligence)
5. ปัญญาด้านดนตรี (Musical Intelligence)
6. ปัญญาด้านมนุษยสัมพันธ์ (Interpersonal Intelligence)
7. ปัญญาด้านการเข้าใจตนเอง (Intrapersonal Intelligence)
8. ปัญญาด้านธรรมชาติวิทยา (Naturalist Intelligence)
การจัดการศึกษาในโรงเรียนในปัจจุบัน
                การนำหลักการจัดการเรียนการสอน  แบบ  Brain  Based  Learning มาใช้เนื่องจากสภาพปัญหาการจัดการเรียนการสอนพบว่า
               1.การจัดการศึกษาระดับก่อนประถมได้รับความสนใจน้อยที่สุด
               2.การเลี้ยงเด็กเล็ก เน้นแต่เพียงการกินอิ่มนอนหลับ ปลอดภัยทางกายภาพ
               3.โรงเรียนส่วนใหญ่ เน้นการสอนและวัดผลเพียง 2 ด้าน คือ ภาษาและตรรกคณิตศาสตร์     
              4. การเรียนการสอนจัดแบบเดียวกันสำหรับทุกคนในห้องเรียน  สอนแบบบรรยาย ท่องจำ
หลักการจัดการเรียนการสอน  แบบ  Brain  Based  Learning Regate และ Geoffrey Caine นักวิจัยเกี่ยวกับการเรียนรู้โดยใช้ความรู้เกี่ยวกับสมองเป็นหลัก  ได้เสนอทฤษฎีเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน 12 ข้อ ดังต่อไปนี้
1)สมองเป็นกระบวนการคู่ขนาน    
2)สมองกับการเรียนรู้  
3)การเรียนรู้มีมาแต่กำเนิด        
4)รูปแบบการเรียนรู้ของบุคคล 
5) ความสนใจมีความสำคัญต่อการเรียนรู้ 
6)สมองมีหน้าที่สร้างกระบวนการเรียนรู้ 
7)การเรียนรู้ในสิ่งที่สนใจสามารถรับรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  
8)การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทั้งแบบที่มีจุดมุ่งหมายและไม่ได้ตั้งใจ 
 9)การเรียนรู้ที่เกิดจากกระบวนการสร้างความเข้าใจ 
10)การเรียนรู้เกิดจากการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น 
11)ส่งเสริมให้ผู้เรียนเผชิญกับสถานการณ์ที่กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ 
12)สมองของบุคคลมีความเท่าเทียมกัน
การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน
( Brain  Based  Learning : BBL. )  ไปประยุกต์ใช้ในองค์กรในการบริหารจัดการศึกษาได้ดังนี้
                1.  ในการเรียนการสอน เรียนรู้จากง่ายไปหายาก มีลำดับและเชื่อมโยงกันเสมอ
                2.  วิธีการเรียนต้องสนุกสนาน ไม่น่าเบื่อ
                3.  เน้นให้นักเรียนได้ใช้ความคิด ทั้งคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ และใช้จินตนาการพร้อมให้โอกาสแสดงความคิดเห็น
                4.  ในการเรียนรู้เพื่อพัฒนากระบวนการคิด ควรจะฝึกให้เด็กได้ปฏิบัติดังนี้
                                4.1  ฝึกสังเกต
                                4.2  ฝึกบันทึก
                                4.3  ฝึกการนำเสนอ
                                4.4  ฝึกการฟัง
                                4 .5  ฝึกการอ่าน
                                4.6  ฝึกการตั้งคำถาม
                                4.7  ฝึกการเชื่อมโยงทางความคิด
                                4.8  ฝึกการเขียนและเรียบเรียงความคิดเป็นตัวหนังสือ

เข้าสู่การเรียนการสอนวันนี้ยังคงทดสอบการสอนกิจกรรมเสริมประสบการณ์ ของวันพุธ

หน่วยอาหารดีมีคุณค่า
         เริ่มด้วยการเล่านิทาน จากนั้นนำภาพให้เด็กดู ถามว่าอาหารที่นำมาอยู่ในกลุ่มอะไร และถ้าเด็กๆ อยากแข็งแรง เด็กๆ ต้องเลือกทานอาหารอะไร (สัมพันธ์นิทาน)


คำแนะนำเพิ่มเติม
  • นิทานควรมีฉากประกอบ และให้เด็กมีส่วนร่วมด้วย และสามารถนำไปใช้ได้นานๆ
  • ควรมีตัวละครมากกว่า 2 ตัว
  • ไม่ควรเอาแผ่นภาพไปติดบนกระดาษ 
  • สร้างความตื่นเต้นให้เด็กเห็นแค่แปปเดียว

หน่วยผีเสื้อ
      เริ่มด้วยการร้องเพลง Butterfly แล้วนำเด็กเข้าสู้การสอนวงจรชีวิตของผีเสื้อ เริ่มจาก ไข่ ตัวหนอน ดักเเด้ แล้วกลายเป็นผีเสื้อ




เพลง Butterfiy


คำเเนะนำเพิ่มเติม
  • ควรเริ่มถามเด็กจากเพลง สนทนาในเนื้อเพลง ให้เนื้อเพลงโยงเข้าสู่เนื้อหาการสอน
  • ครูพูดคุยกับเด็กเกี่ยวกับวงจรชีวิตของผีเสื้อ
  • ควรเขียนก่อนแล้วนำภาพผีเสื้อไปติด
  • ในเนื้อเพลงควรมีภาพให้เด็กเห็น

หน่วยประสาทสัมผัสทั้งห้า
      ใช้ปริศนาคำทายในขั้นนำ ครูมีภาชนะ 2 ใบ ใส่น้ำที่มีรสชาติเค็มใบหนึ่ง รสชาติหวานใบหนึง แล้วลองให้เด็กชิม เด็กบอกถึงรสชาติที่ชิมเข้าไป






คำแนะนำเพิ่มเติม
  • ควรมีตารางสำหรับนำเสนอข้อมูล
  • ใช้ 2 ถ้วย คือ รสเค็มกับรสหวาน
  • ให้เด็กมาติดในตารางว่าอันไหนรสเค็ม อันไหนรสหวาน


หน่วยบ้านเเสนสุข
    เริ่มด้วยเพลงพี่น้องกัน เข้าสู่เนื้อหามีรูปคนในครอบครัวให้ดู แล้วนำมาแปะเชื่มโยงความสัมพันธ์ในบ้าน โดยให้เด็กนำภาพสมาชิกมาติดในกราฟฟิก




เพลงพี่น้องกัน



คำแนะนำเพิ่มเติม
  • ตารางความสัมพันธ์สมาชิกในบ้านไม่ต้องทำซับซ้อนมากเกินไป เน้นเเค่ที่สำคัญๆ
  • เวลาเขียนควรเขียนให้ชัดเจน
  • ให้เด็กเห็นชัดเจน จากลูก ขึ้นสู่ พ่อแม่ ขึ้นสู่ ปู่ย่าตายาย
  • ควรเขียนตัดใหญ่ๆ
  • เริ่มต้นที่ "ตัวเรา"
  • วาดแผนผังให้ตรง
  • ลากเส้นเชื่อมความสัมพัธ์ให้เด็กเห็น ควรเป็นสีที่ต่างเเละหนา

หน่วยใต้ร่มเงาไม้
      วัตถุประสงค์
1. เด็กปฏิบัติตามคำสั่งของครูได้
2. เด็กบอกขั้นตอนการปลูกต้นถั่วเขียวและวิธีการดูแลรักษาได้
3. เด็กบอกการเปลี่ยนแปลงของต้นถั่วเขียวได้

สาระที่ควรเรียนรู้
ขั้นตอนการปลูกต้นถั่วเขียว
 1. วางกระดาษทิชชู่ไว้ในแก้ว แล้วพรมน้ำ
ให้เปียก
 2. ใช้ช้อนตักเมล็ดถั่วเขียว 4-5 ช้อน แล้วโรยลงในแก้ว
 3. นำกระดาษทิชชู่มาวางทับเมล็ดถั่วเขียวที่ แล้วพรมน้ำให้เปียก
วิธีการดูแลต้นถั่วเขียว
  รดน้ำทุกวันวันละ 3-4 เวลา หรือนำไปไว้ในที่ที่มีแสงแดดเพื่อให้ต้นถั่วเขียวเจริญเติบโต

ประสบการณ์สำคัญ
ด้านร่างกาย
  - การประสานสัมพันธ์ระหว่างมือกับตา
  - การปฏิบัติตนตามสุขอนามัย
ด้านอารมณ์ – จิตใจ
  - การแสดงออกอย่างสนุกสนานในการกิจกรรม
ด้านสังคม
  - การเล่นและการทำงานร่วมกับผู้อื่น
ด้านสติปัญญา
  - การแสดงความรู้สึกด้วยคำพูด
  - การอธิบายเกี่ยวกับสิ่งของ เหตุการณ์ และความสัมพันธ์ ของสิ่งต่างๆ
  - การทดลองสิ่งต่างๆ
กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนำ
1. ครูและเด็กร้องเพลง ดูแลรักษาต้นไม้
       ต้นไม้จะใหญ่งอกงาม
       เราพยายามบำรุงรักษา
       รดน้ำ พรวนดิน ถอนหญ้า
       ใส่ปุ๋ย และฆ่าแมลง ด้วยเอย
2. ครูถามเด็กว่าในเพลงนี้มีวิธีการดูแลต้นไม้อย่างไรบ้าง แล้วนอกเหนือจากในเพลงนี้มีวิธีการดูแลรักษาต้นไม้อย่างไรอีกบ้าง แล้วบันทึกลงแบบบันทึกการดูแลต้นไม้
ขั้นสอน
3. ครูแนะนำอุปกรณ์และสนทนาถามว่า เด็กๆรู้จักอุปกรณ์อะไรบ้าง แล้วเด็กๆ คิดว่าจะเอามาทำอะไร
4. ครูสาธิตขั้นตอนในการปลูกต้นถั่วเขียว และมีตัวอย่างให้ดู โดย ครูจะปลูกต้นถั่วเขียวไว้ 2 กระถาง
   - กระถางที่ 1 ครูเอากระป๋องครอบไว้
   - กระถางที่ 2 ครูจะไม่รดน้ำ แต่ได้รับแสงแดด
5. ครูแบ่งกลุ่มให้เด็ก กลุ่มละเท่าๆกัน แล้วให้เด็กลงมือปฏิบัติการปลูกต้นถั่วเขียว
6. ให้เด็กสังเกตการเปลี่ยนแปลงของต้นถั่วงอก และบันทึกการเปลี่ยนแปลง
ขั้นสรุป
7. ครูและเด็กร่วมกันสรุปกิจกรรม ขั้นตอนการปลูกต้นถั่วเขียวและวิธีการดูแลรักษา

สื่อ
- แผ่นชาร์ทเพลง
ดูแลรักษาต้นไม้
แผ่นชาร์ทอุปกรณ์ในการปลูกต้นถั่วเขียว และขั้นตอนการปลูกต้นถั่วเขียว
แผ่นชาร์ทแบบบันทึกการเปลี่ยน
แปลงของต้นถั่วเขียว
- แผ่นชาร์ทบันทึกการดูแลต้นไม้
- เมล็ดถั่วเขียว
- ช้อนพลาสติกเล็ก
- แก้วพลาสติก
- กระดาษทิชชู่
- น้ำ

การประเมิน
สังเกตจาก
 1. การลงมือปฏิบัติ
 ตามคำสั่งของครู
 2. การตอบคำถาม
 และการแสดง
 ความคิดเห็น






เพลง ดูเเลรักษาต้นไม้



คำแนะนำเพิ่มเติม
  • ในเนื้อเพลงควรตัดคำว่า "ฆ่า" ออก เปลี่ยนเป็น กำจัดแมลง (ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก กำจัดแมลงเอย)
  • ขั้นตอนในการปลูก ควรมีลูกศรในแต่ละขั้น
ทักษะ
  • ทักษะการฟัง
  • ทักษะการตอบคำถาม
  • ทักษะการคิดต่อยอด
  • ทักษะการนำเสนอข้อมูล
  • ทักษะการสอน
  • ทักษะการคิดอย่างเป็นระบบ
  • ทักษะการวางแผน
เทคนิคการสอน
  • สอนเป็นลำดับขั้นตอน
  • ให้เด็กได้มีส่วนร่วมในการลงมือทำกิจกรรม
 การนำไปประยุกต์ใช้
      นำไปปรับปรุงเเก้ไขในการทำแผนการสอน นำสิ่งที่อาจารย์แนะนำไปเพิ่มในเเผนการสอน
การประเมิน
ตนเอง: ตั้งใจเรียน ตั้งใจฟังในสิ่งที่เพื่อนนำเสนอ
เพื่อน: ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเป็นอย่างดี ตั้งใจฟังเพื่อน
อาจารย์: คอยให้คำแนะนำเพิ่มเติม พูดจาสุภาพ 

Record 13

Tuesday 3 April 2018 เนื้อหาการเรียนรู้         การเรียนการสอนวันนี้  เป็นการสอนของวันพฤหัสเเละวันสูกร์ที่ต้องออกมานำเสนอการสอนหน้าชั...